การตกแต่งร้านและการจัดวางสินค้า

การตกแต่งร้านและการจัดวางสินค้า
ร้านขายของส่วนใหญ่มักจะมีผู้ขาย ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการเอง หรือบางร้านอาจมีการจ้างพนักงาน
ขายของโดยเฉพาะ เพื่อทำหน้าที่เอาใจใส่คอยแนะนำให้คำอธิบาย ต่าง ๆ แก่ลูกค้า หากเป็นร้านขนาด

1.1 การตกแต่งร้าน มีความสำคัญต้องคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.1.1 แสงสว่างภายในร้าน ถ้าเราเข้าไปในร้านสะดวกซื้อ ซึ่งเป็นร้าน ลิขสิทธิ์จาก
ต่างประเทศ เช่น เซเว่น อีเลฟเว่น เราจะเห็นได้ว่ามีความสว่างทั่วทั้งร้าน จาก
แสงไฟฟ้าที่ร้านได้ติดเอาไว้ แสงสว่างธรรมชาติมักไม่เพียงพอและแสงแดดมัก
ทำความเสียหาย ให้แก่สินค้า การใช้แสงไฟฟ้า แม้จะมีค่าใช้จ่ายสูงแต่ก็จูงใจลูกค้า
ให้เข้ามาซื้อสินค้าได้มากกว่าร้านที่ดูมัวซัว มุมห้องมืด ๆ
หากสินค้าตัวใดจะเน้นให้ลูกค้าสนใจเป็นพิเศษควรใช้สปอร์ตไลท์ส่องเรียกความ
สนใจแสงไฟ ในร้านควรเลือกใช้แสง จากหลอดฟลูโอเรสเซนท์ ก่อนตัดสินใจเรื่อง
แสงสว่างควรรู้ว่าค่าไฟฟ้าจะเป็นสักเท่าใด และใช้ไฟฟ้า กี่ดวงถึงจะคุ้มค่ากับการ
ขายสินค้าด้วย
1.1.2 การตกแต่งสีภายนอกและภายในร้าน นอกจากการทาสีร้านค้าให้
สดใสสว่าง สวยงามแล้ว สีของหีบห่อ และตัวสินค้าก็สามารถนำมาตกแต่งให้ร้านค้า
ดูดีขึ้น จะต้องให้ผู้คนเห็นสินค้า ชัดเจน และสวยงาม แต่ก็ไม่ควรนำสินค้าที่ต่างชนิด
กันแต่สีเดียวกันมาวางไว้รวมกัน เพราะจะทำให้ดูเหมือนกันไปหมด จึงควรแยกสินค้า
ที่มีสีสรรเหมือนกัน แต่ต่างชนิดกันเรียงไว้ต่อ ๆ กัน เพื่อให้เห็นความแตกต่าง
1.1.3 การจัดวางสินค้าบริเวณทางเข้าร้าน ใกล้ ๆ ทางเข้าร้านเป็นที่เหมาะสำหรับจัด
วางสินค้าที่ต้องการเสนอขายเป็นพิเศษ เพราะเป็นที่ที่ลูกค้าทุกคนต้องเดินผ่านเข้า
ออก จึงต้องจัดสินค้าไว้บริเวณนี้ให้เตะตาจริง ๆ โดยเฉพาะบริเวณโต๊ะชำระเงินที่
ลูกค้าเข้าแถวรอที่จะชำระเงิน ควรหาของเล็ก ๆ น้อยๆที่ลูกค้าอาจลืมซื้อมาจัดวางไว้
1.1.4 การจัดหมวดหมู่ของสินค้า สินค้าที่มีการใช้สอยที่คล้ายคลึงกัน หรือใช้ร่วมกัน
จะต้องจัดวางไว้ด้วยกัน เช่น น้ำดื่ม เครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม ประเภทเครื่องใช้ใน
ครัว ประเภทขนมปังสดและเบเกอรี่ ขนมขบเคี้ยว หมวดเสื้อผ้า เครื่องใช้เด็กอ่อน
เป็นต้น
1.1.5 การติดป้ายบอกประเภทของสินค้า เพื่อให้รู้ว่าสินค้าอยู่ที่ใด เป็นการติดป้ายบอก
ชนิดของสินค้า ตามที่จัดไว้ เป็นหมวดหมู่แล้วเพื่อสะดวกในการค้นหาสินค้าตามที่
ลูกค้าต้องการ อาจจะติดไว้ตามผนังห้อง และกึ่งกลางเหนือ ชั้นวางของ สินค้าใด
วาง ณ จุดใด ควรวางอยู่เป็นประจำ และไม่ควรเปลี่ยนแปลงที่วางสินค้าบ่อยเกินไป
เพราะจะทำให้ลูกค้า ต้องเสียเวลาค้นหาในครั้งต่อไปที่แวะเข้ามาซื้อสินค้าที่ร้าน
1.1.6 การติดป้ายราคาสินค้า ปัจจุบันลูกค้าส่วนใหญ่มักสนใจในรายละเอียดของสินค้า
เพิ่มมากขึ้น ทั้งรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ ชื่อสินค้า คำแนะนำการใช้ผลิตภัณฑ์นั้น ๆ วัน
ผลิตและวันหมดอายุ ดังนั้นจะต้องติดป้ายบอกราคาเพิ่มให้กับตัวสินค้า ซึ่งเป็นสิ่ง
สำคัญที่สุดลงไปด้วยคือต้องติดราคาบอกไว้บนตัวสินค้าทุกชิ้นให้ชัดเจนพอที่ลูกค้า
และพนักงานเก็บเงินจะอ่านได้ ยกเว้นสินค้าบางประเภทที่ขายกันเป็นจำนวนมาก
เช่น เบียร์หรือเครื่องดื่มประเภทน้ำอัดลม มักจะติดราคาในรูปของแผ่นป้าย
หรือโปสเตอร์ จะเป็นการช่วยประหยัดแรงงานและเวลาได้ หากเป็นสินค้าชนิดเดียวกัน
แต่ต่างยี่ห้อกัน อาจจะติดราคาไว้ที่ชั้นวางจะช่วยให้ลูกค้าเห็นและเปรียบเทียบราคากัน
ได้ ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาและแรงงานในการติดราคากันใหม่ เมื่อสินค้ามีราคา
เปลี่ยนแปลงใหม่ แต่ก็เป็นการให้ประโยชน์และรายละเอียดเพิ่มเติมรวมถึงความสะดวก
กับลูกค้า ทั้งยังเป็นการสะดวกในการเรียกเก็บเงินค่าสินค้าอีกด้วย
1.2 การจัดวางสินค้า มีความสำคัญต่อการจูงใจลูกค้าให้เลือกซื้อสินค้า เพื่อให้สะดวกและเกิดความพึงพอใจ
ควรคำนึงถึงสิ่งต่อไปนี้
1.2.1 ความพึงพอใจของลูกค้า
1.2.2 จัดสินค้าไว้ในบริเวณที่เราจะขาย
1.2.3 จัดสินค้าไว้ในระดับสายตาให้มากที่สุด
1.2.4 จัดสินค้าด้านหน้าบนชั้นให้เต็มอยู่เสมอ
1.2.5 ชั้นปรับระดับได้ตามขนาดของสินค้าจะเป็นการดี
1.2.6 การใช้กล่องหนุนสินค้าให้ดูงดงามแม้จะมีสินค้าไม่มากนัก
1.2.7 ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เช่นผงซักฟอกมีหลายยี่ห้อ หลายขนาด ควรจัด
ให้เป็นระเบียบสะดวก ในการเปรียบเทียบของลูกค้า ดังนั้นสินค้าที่เหมือน ๆ กันควรเอาไว้
ด้วยกัน และควรจัด ตามแนวนอน และอยู่ในระดับเดียวกัน หรือจะจัดในแนวดิ่ง ด้วยก็ได้
1.2.8 สินค้ามาก่อนต้องขายก่อน เราต้องขายสินค้าเก่าก่อนสินค้าใหม่เสมอ
พยายามวางสินค้ามาก่อนไว้ แถวหน้าเสมอ ควรทำสินค้าที่มาก่อนให้ดูสดใสสะอาดเหมือน
สินค้าใหม่
1.2.9 ป้องกันหลีกเลี่ยงการรั่วไหลของสินค้าได้ โดยการจัดวางผังทางเดินภายใน
ร้านให้ลูกค้าเดินไปมา ได้สะดวก มีประโยชน์หลายประการ แต่ก็มีข้อเสียคือ สินค้าบางอย่าง
อาจบุบสลายหรือชำรุด หรืออาจถูกขโมยได้ง่าย ในแต่ละปีห้างสรรพสินค้าและร้านค้าโดยทั่วไป
มักมีสินค้าขาดหายโดยการถูกลักขโมยเป็นมูลค่านับแสนบาท สินค้าที่สูญหาย เพราะถูกหยิบ
ฉวยและเหตุอื่น ๆ เรียกว่าการรั่วไหลของสินค้า เจ้าของกิจการจะต้องมีมาตรการมาอุดการ
รั่วไหลให้มากที่สุด การจัดวางสินค้าจึงต้องเป็นไปในแนวทางที่เป็นการป้องกันการรั่วไหลได้
ด้วย คือหยิบก็ง่าย หายก็รู้ สินค้าบุบ ชำรุด ใกล้หมดอายุ ควรจัดเป็นสินค้าลดราคาพิเศษ ล้างสต็อกด้วยการจัดแยกขายไว้ต่างหาก
คัดลอกมาจากลิงค์ด้านล่างค่ะ
http://www.southnfe.go.th/LearnSquare/courses/47/02market001.htm