SUN ZONE HOLDING ชั้นวางสินค้า

บทความ

การจัดชั้นวางสินค้า (Nanosoft Marketing Series)ทางรอด SMEs ยุคใหม่

13-01-2563 19:43:03น.

เป้าหมายโดยรวมของการจัดชั้นวางสินค้านั้นก็เพื่อทำให้ลูกค้ามาเลือกซื้อในสิ่งที่เราอยากให้ซื้อ  และก็สามารถทำกำไรให้กับเรามากที่สุดนั้นล่ะครับ  หลาย ๆ ต่อหลายห้างฯ  ในปัจจุบันนี้มีการคิดค่านำเอาสินค้าของเจ้าของผลิตภัณฑ์เข้าไปขาย  หรือเพียงแค่นำสินค้าของเจ้าของผลิตภัณฑ์เข้าไปขาย  หรือเพียงแค่นำสินค้าเข้าไปวางที่ชั้นวางสินค้า  ไม่ว่าจะมีการขายเกิดขึ้นหรือไม่แต่ทางเจ้าของสินค้าก็จะต้องจ่ายค่านำสินค้าเข้ามาวางก่อนอยู่ดี   ราคาก็จะอยู่ประมาณ 50,000 บาทต่อหนึ่งรายการ ( หมายถึงต่อหนึ่งขนาดบรรจุด้วย )

การตกแต่งร้านและการจัดวางสินค้า 


     1.  จุดที่เด่นที่สุดของชั้นวางสินค้าก็คือระดับสายตาของลูกค้า  เช่น  ถ้าเป็นระดับสายตาที่ต้องการขายให้เด็กเล็กก็สามารถเลือกสินค้าเองได้ก็น่าจะอยู่ชั้นที่ต่ำกว่า  สายตาของผู้ใหญ่ลงไปอีก
     2.  จัดแบ่งพื้นที่ให้สินค้าวางโชว์อยู่ในชั้นวางสินค้าให้เหมาะสมกับยอดขายที่คาดว่าจะขายได้  และตามอัตราผลกำไรที่จะได้รับโดยรวมด้วย
     3.  สินค้าควรจะต้องมีให้เห็นเพื่อขายอยู่บนชั้นวางสินค้าตลอดเวลาเพื่อไม่ให้โอกาสในการขาย
     4.  กรณีที่สินค้าขาดหายไป  จงอย่าเลื่อนเอาสินค้าตัวอื่นมาแทนที่เนื่องจากจะทำให้ลืมได้ว่าตรงบริเวณนั้นสินค้าขาดไป  และจะต้องรีบนำมาเติมให้เต็มพื้นที่ที่ จัดเตรียมไว้โดยเร็วที่สุด
     5.  ก่อนที่จะเคลื่อนย้ายหรือสลับที่กันกับสินค้าตัวอื่น ๆ ควรจะต้องมีการศึกษาและปรึกษาหารือร่วมกันระหว่างทางฝ่ายจัดซื้อและทางหน้าร้านก่อน  จึงจะให้  ทำการย้ายจุดได้
     6.  ควรมีการปรับปรุงจุดที่จัดวางสินค้าบนชั้นวางสินค้าใหม่ในทุก ๆ 3 เดือน  เพื่อคอยสอดส่องดูว่าผลการดำเนินงานหรือยอดขายและกำไรต่อพื้นที่การขาย  ของสินค้าแต่และตัวนั้นเหมาะสมอยู่หรือไม่
     7.  การเติมสินค้าบนชั้นวางสินค้า  ให้นำสินค้าเก่าที่มีอยู่ยกยอดออกมาให้หมดก่อนแล้วจึงเติมสินค้าใหม่จากด้านหลังมา  ทั้งนี้จะช่วยในการบริหารสินค้าที่นำมา วางจำหน่ายไม่ให้มีสินค้าเก่าเก็บเหลืออยู่ในชั้นวางสินค้านานจนเกินไป
     8.  ควรติดป้ายชื่อ  ขนาดบรรจุ  และราคาสินค้าทุกชนิดไว้ที่ขอบของชั้นวางสินค้า  เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบและเช็กได้ตลอดเวลา
     9.  ชั้นวางสินค้าไม่ควรมีฝุ่นละอองจับ  ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวชั้นวางสินค้าเองหรือที่ตัวสินค้า
  
     10.  ไม่ควรมีของใช้ส่วนตัวของพนักงานซูปเปอร์มาร์เก็ตซุกซ่อนอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งของชั้นวางสินค้า  รวมทั้งไม้ปัดขนไก่  ปากกา  ผ้าขี้ร้ว  ถังซักผ้า  จาน  ชาม   ช้อน  ส้อม  หรือ แม้แต่ของกิน
     11.   เอกสารสำคัญต่าง ๆ ที่มีราคาต้นทุนสินค้า  ต้องไม่มีให้เห็นที่ชั้นวางสินค้า
     12.  เมื่อสินค้าใหม่เข้ามา  ควรรีบนำขึ้นวางสินค้าในทันที
     13.  จัดสินค้าให้แยกตามประเภทของสินค้าและให้เป็นตามแนวดิ่งจากชั้นล่างขึ้นบน  หรือจากบนลงล่าง
     14.  สินค้ายี่ห้อที่เป็นที่นิยมให้จัดอยู่ในระดับสายตา  ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นได้ก่อนและเลือกหยิบซื้อได้โดยเร็ว  ไม่ต้องเสียเวลาหานาน
     15.  สินค้าประเภทที่  “ไม่เห็นไม่ซื้อ”
หรือลูกค้าไม่เคยมีความคิดจะซื้ออยู่เมนูการจับจ่ายซื้อของเพื่อใช้ในชีวิตประจำวันแล้ว  จงพยายามจัดเอาสินค้าประเภทนี้ วางให้กับสินค้าชนิดที่ขายดีหรือเป็นที่ต้องการของลูกค้า
     16.  กรณีสินค้านั้น ๆ มีหลายขนาด  ให้จัดสินค้าเป็นแนวดิ่ง  คือให้ขนาดเล็กอยู่บน  ขนาดใหญ่อยู่ล่าง  เวลาจัดชั้นวางสินค้าพนักงานขายจะได้ไม่ต้องเหนื่อยมาก ในการหยิบยกสินค้าขนาดใหญ่ ๆ ไปไว้ข้างบน  และลูกค้าเวลาเลือกหยิบจากชั้นวางสินค้าก็จะได้ไม่ต้องกลัวว่าสินค้าจะตกลงมาใส่หัว
     17.  ถ้าขนาดใดขายดี  ให้เพิ่มพื้นที่ในชั้นวางสินค้าหรือขยายเพิ่มชั้นวาง 2 ชั้นขึ้นไป
     18.  ถ้าสินค้าประเภทนั้นมีเพียง 2 ยี่ห้อ และมีเพียงยี่ห้อละ 2 ขนาด ให้เอายี่ห้อที่ขายดีจัดวางชั้นบน  และเอายี่ห้อรองวางชั้นล่าง
     19.  ถ้าสินค้าประเภทนั้นมีเพียงยี่ห้อเดียว  ให้ดูว่าสินค้าประเภทใกล้เคียงกันในหมวดหมู่เดียวกันหรือไม่  ถ้ามีให้นำมาขายรวมหมวดกันและจัดวางตามยี่ห้อ เป็นแนวดิ่ง
     20.  ถ้าสินค้ามีหลายขนาดมาก  แต่ละชั้นวางสินค้ามีเพียงไม่กี่ชั้นเราสามารถเพิ่มหรือเสริมชั้นวางสินค้าให้มีหลายชั้นได้
     21.  ถ้าเป็นสินค้าประเภทกำจัดยุงไฟฟ้า  ควรวางแผ่นไว้ข้าง ๆ กันกับเครื่องยี่ห้อเดียวกัน
     22.  ส่วนที่เป็นน้ำยาฉีดกันยุงทั้งที่เป็นแบบสเปรย์และกระป๋องควรวางไว้ในกลุ่มยี่ห้อเดียวกัน  และเรียงตามขนาดตามแนวดิ่ง  ส่วนน้ำยาที่เป็นแบบกระป๋องเติม  ให้วางไว้ชั้นล่างสุด
     23.  สินค้าประเภทผ้าอนามัย  ควรแบ่งกลุ่มตามแนวดิ่ง และแยกประเภทตามยี่ห้อ
     24.  ยาสีฟัน  ควรแบ่งการวางไว้ตามยี่ห้อ (ขนาดใหญ่หรือเล็กก็ควรให้อยู่ใกล้กันในหมวดยี่ห้อเดียวกัน)

            แนวคิดที่จัดวางสินค้าเป็นแนวดิ่งนี้เนื่องเพราะหากว่าเราจัดวางโชว์สินค้าเป็นแนวนอน  เวลาลูกค้าเดินเลือกหาสินค้าแล้วจะเดินผ่านไปเลยและไม่มีโอกาสที่จะเดินย้อนกลับมาเลือกซื้อสินค้าประเภทอื่นที่วางขายอยู่ที่ชั้นอื่น ๆ อีก การเลือกดูตามขนาดของสินค้าก็เพียงก้ม ๆ เงย ๆ นิดหน่อยก็สามารถเลือกได้สินค้าที่พอใจแล้ว  ดังนั้นโอกาสในการขายของก็เพิ่มขึ้นเนื่องจากทำให้ลูกค้าสามารถมองเห็นสินค้าได้ทั่วไปนั้นเอง 

** คัดลอกบางส่วนมาจากหนังสือ " ทางรอด SMEs ยุคใ หม่ "  โดย คณิต  สินทบ  ISBN 974-90001-2-9